16 March 2015

Isshuukan Friends "เพื่อน"


ช่วงนี้กำลังว่างเลยหาอนิเมเบาๆดู ที่เลือกเรื่องนี่หลักๆก็เพราะลายเส้นแลดูอบอุ่นชวนนึกถึง usagi drop หนึ่งในการ์ตูนโคตรฟีลกู้ดที่สุดที่เคยดูมา

พล็อทเรื่องคร่าวๆ : ฟูจิมิยะ คาโอริ นางเอกของเรื่องจะเสียความทรงจำดีๆทั้งหมด รวมทั้งความทรงจำที่มีกับเพื่อนทุกๆวันจันทร์ แต่พระเอก ยูกิ ฮาเสะ ก็ตัดสินใจที่จะเป็นเพื่อนกับคาโอริถึงแม้ว่าทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่ทุกๆอาทิตย์อยู่ดี

พล็อทเรื่องสามารถสร้างดราม่าหนักๆได้สบายๆแต่เอาจริงๆกลับไม่หนักอย่างที่คิด โทนเรื่องเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวเอกเป็นหลัก (ซึ่งมันหวานกันจนเกินเพื่อนไปตั้งแต่แรกๆละถึงจะบอกว่าแค่เพื่อนๆก็เถอะ)

การเดินเรื่องเป็นไปแบบเอื่อยๆเข้าขั้นช้าถ้าเทียบกับอนิเมส่วนมากแต่ไม่รู้สึกว่าเป็นข้อเสียเลยนะ เพราะมันเดินเรื่องช้าๆนี่แหละทำให้เรารู้สึกร่วมไปกับตัวละคร ตัวเนื้อเรื่องไม่มีอะไรหวือหวาทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครในเรื่องจับต้องได้พอรวมกับงานภาพแบบนี้ทำให้รู้สึกอบอุ่นดี เสียดายอย่างเดียวที่มีแค่ 12 ตอน

ความรู้สึกหลักดูจบ : สั้นไปอ่ะอยากดูอีก ชอบลายเส้นแบบนี้ชะมัด

14 March 2015

ลง Antivirus ไปทำไม?

ภาพของผู้ที่ติดตั้ง Antivirus เมื่อพบว่าเครื่องของตนมีไวรัสอยู่เพียบ
จากประสบการณ์ตรงๆเลยนะส่วนมากคอมที่ติดไวรัสแบบสาหัสทุกเครื่องทีเจอมาลงแอนตี้ไวรัสหมด บางเครื่องหนักหน่อยก็ลงมันสองสามตัวเลยแต่สุดท้ายก็มีไวรัสยอดนิยมเกือบทุกตัวในเครื่องอยู่ดี

ก็ลง Antivirus แล้วนี่ทำไมถึงโดนไวรัสได้อีกหล่ะ?

Antivirus มันก็แค่โปรแกรมๆนึงครับยังไงมันก็มีช่องโหว่ถึงอัพเดททุกวันยังไงก็มีช่องโหว่ใหม่อยู่ดี แล้วยิ่งถ้าเราไม่ระวังไปเปิดประตูเชิญชวนให้ Malware ต่างๆเข้ามาในเครื่องเราเองแบบนี้ใครจะไปกันไหว

งั้นลงมันหลายๆตัวเลยละกันจะได้ช่วยๆกันอุดช่องโหว่

ปกติลง Antivirus เพื่ออะไรกันครับ? ถ้าคำตอบแรกที่นึกได้คือ "กันไม่ให้ไวรัสเข้ามาทำให้เครื่องช้า" หล่ะก็การลงหลายๆตัวมันก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว Antivirus ต้องทำงานตลอดเวลาเพื่อป้องกัน Malware ต่างๆ แค่ลงตัวเดียวก็ทำให้เครื่องช้าลงแล้ว แล้วนี่ถ้าลงมันหลายตัวนี่ยิ่งแล้วใหญ่ แย่งกันสแกนจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นกันพอดี

ไม่ลง Antivirus แล้วจะป้องกัน Malware ยังไงหล่ะ?

กรณีที่ใช้คอมทำงานทั่วๆไป,ดูหนัง,ฟังเพลง,เฟซบุ๊ค ฯลฯ ก็ไม่มีอะไรมากหลักๆก็
  1. เลิกพฤติกรรมกด Next รัวๆๆๆๆๆตอนลงโปรแกรมซะ ไม่ได้ถึงขนาดให้นั่งอ่าน term of service หรอกครับแค่แบบก่อนกด Next ก็ดูบ้างว่าหน้านั้นมันเป็นหน้าอะไรใช่หน้าขอติดตั้ง Baidu หรือเปล่า? ถ้ากด Next มันจะทำอะไรต่อก็พอ ไอ้พวก Malware โคตรยอดนิยมพวก Baidu  หรือ hao123 มันมาทางนี้ทั้งนั้นแหละ
  2. อย่าไปเปิดไฟล์หรือคลิกลิงค์อะไรที่เราไม่รู้ที่มา คล้ายๆกับ "อย่ารับของจากตนแปลกหน้า" นั่นแหละ อะไรแปลกๆก็อย่าไปเปิดมันเลยนะ
แค่สองข้อนี้ก็น่าจะพอแล้วหล่ะ

แล้วตอนไหนหล่ะที่ควรลง Antivirus?

เอาจริงๆในวินโดวส์ก็มี Windows Defender มาให้อยู่แล้วนะจากที่ใช้มามันก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมาก แต่ในกรณีที่คอมเป็นคอมสาธารณะ เช่น ร้านถ่ายเอกสาร,อินเตอร์เน็ทคาเฟ่ ที่วันๆนึงมีแฟลชไดรฟ์ไม่รู้กี่อันมาจิ้มก็ควรหา Antivirus ยี่ห้อดีๆมาติดตั้งไว้กันเหนียวดีกว่า ลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายได้เยอะ

08 March 2015

มาอวยฮินาตะกันเถอะ!!!! The Last: Naruto the Movie

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูนารูโตะเดอะมูฟวี่ในโรง ภาคนี้ต้องบอกว่าเป็นภาคที่ทำมาอวย NaruHina แบบสุดลิ่มทิ่มประตูจริงๆ คนอื่นนี่เป็นตัวประกอบสุดๆ (ซาสึเกะมีบทอยู่ประมาณ 10 วิ 555+)

Hinataaaaaaaaaaaa
เนื้อเรื่องหลักค่อนข้างไม่มีอะไรมากมายแต่ส่วนสำคัญของที่ภาคนี้ต้องการนำเสนอคือ ความทรงจำที่มีร่วมกันของฮินาตะกับนารูโตะตั้งแต่เด็กจนโตกันเลย (ฮินาตะตอนเด็กน่ารักมากกกก เสียดายโผล่มาน้อยไปหน่อย) 

ฝั่งฮินาตะเด็กขี้อายที่เดินตามหลังนารูโตะมาตลอด ค่อยๆรวบรวมความกล้าที่ละนิดทีละหน่อยเพื่อที่จะก้าวขึ้นมายืนเคียงข้างนารูโตะ ถึงคนอื่นอาจจะมองเป็นเรื่องง่ายๆแต่สำหรับเด็กที่เติบโตมาแบบฮินาตะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ฮินาตะแสดงความเข้มแข็งที่ได้จากการเผ้ามองนารูโตะให้เห็นได้อย่างชัดเจนทั้งตอนที่เพนบุกโคโนฮะและในภาคนี้ตอนที่ถูกโตะสารภาพความรู้สึก

กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้นี่เลือดตาแทบกระเด็นทั้งฮินาตะทั้งกองอวย

ส่วนฝั่งนารูโตะที่ใช้ชีวิตโดยการมุ่งไปข้างหน้าจนมองไม่เห็นรอบๆ(โง่) ก็มีพัฒนาการค่อยๆสังเกตความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อฮินาตะถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนรู้สึกตัว(ก็โง่นั่นแหละ) ในที่สุดก็สารภาพความรู้สึกของตัวเองให้กับฮินาตะในภาคนี้ เยส!!!!!!!!!!!!

เนื้อเรื่องในส่วนอื่นๆของภาคนี้คงอยู่ในระดับแค่สอบผ่านตามมาตรฐานโชเน็นจัมพ์ เนื้อเรื่องเดาง้ายง่ายไม่มีที่มาที่ไปให้ต้องทำความเข้าใจมากนัก ใจจริงอยากให้ทิ้งพล็อทเรื่องเกี่ยวกับฉากบู๊ให้หมด เหลือแค่ส่วนที่เป็น NaruHina หรือไม่ก็เพิ่ม SusuSaku ด้วยซ้ำ 555+

tl;dr : ถ้าเป็น #ทีมฮินาตะ ควรหามาดูอย่างยิ่ง ถ้าอยู่ทีมอื่นไม่ต้องรีบก็ได้ไม่ได้เห็นอะไรหรอก

Edit : แปะเพลงตอนจบเพิ่มหน่อย

04 March 2015

Whiplash บ้าคลั่ง ทรงพลัง



เรื่องราวของ Whiplash เป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่าง "แอนดรูว์" เด็กปีหนึ่งผู้หลงไหลในการตีกลอง กับอาจารย์ "เฟลทเชอร์" ผู้อุทิศชีวิตให้กับความสมบูรณ์แบบ เมื่อแอนดรูว์ถูกชักชวนโดยอาจารย์ที่เก่งที่สุดในโรงเรียนให้มาร่วมวง แอนดรูว์ทุ่มเททุกอย่างที่เค้ามีทั้งกำลังกายกำลังใจแต่เสียงตอบรับจากเฟลทเชอร์กลับไม่ใช่สิ่งที่เค้าคาดหวังเลยแม้แต่น้อย....

There are no two words in the English language more harmful than "good job". - Terence Fletcher
Whiplash ตบหน้าแนวคิดที่ว่า "เมื่อเราทำอะไรเต็มที่แล้วถึงแม้ว่ามันจะไม่สำเร็จแต่มันก็คุ้มค่า" อย่างรุนแรงด้วยแนวคิด "คนที่ทำไม่สำเร็จไม่มีสิทธิ์จะอ้างว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว" ถึงแม้ตัวหนังจะไม่ได้บอกตรงๆแต่นี่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้


แอนดรูว์ตัวเอกของเรื่องได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการฝึกซ้อมอย่างหนักจนเลือดกระเด็น แต่เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าข้อผิดพลาดนั้นจะเล็กน้อยแค่ไหน แต่เฟลทเชอร์ก็ไม่ปล่อยให้ข้อผิดพลาดนั้นผ่านไปแม้แต่ครั้งเดียว

เฟลทเชอร์เป็นครูที่เก่งแต่ไม่ใช่ประเภทครูดีเด่นที่คอยตบบ่าลูกศิษย์แล้วพูดคำปลอบใจสวยหรูเพื่อให้ลูกศิษย์มีกำลังใจเดินหน้าต่อ แต่เป็นครูที่จะทำลายผู้ที่ผิดพลาดเพื่อค้นหาความสมบูรณ์แบบ ถึงแม้วิธีการนั้นเป็นเป็นความสุดโต่งแต่การสร้างอัจฉริยะนั้นย่อมไม่สามารถทำด้วยวิธีทั่วไปเช่นกัน


จุดเด่นที่สุดของ Whiplash ไม่ใช่ตัวเนื้อเรื่องแต่เป็นการปะทะทางอารณ์ของลูกศิษย์และอาจารย์ โดยฝั่งแอนดรูว์มีอีโก้สูงขึ้นเรื่อยๆจากการฝึกฝนของตนต้องปะทะกับอีโก้ที่สูงทะลุชั้นบรรยากาศของเฟลทเชอร์ ทำให้ตัวหนังนั้นไต่ระดับความตื่นเต้นและกดดันสูงขึ้นเรื่อยๆและไม่ยอมลดลงแม้แต่นิดเดียวจนจบ

Whiplash ไม่ใช่หนังที่เชิญชวนให้ใครก็ตามออกไล่ตามความฝันของตน มันเป็นหนังที่บอกว่า "ถ้าเอ็งต้องการไล่ตามฝันหล่ะก็แค่พยายามสุดฝีมือมันยังไม่พอหรอก เอ็งต้องพยายามให้ยิ่งกว่าสุดฝีมือขึ้นไปอีก วินาทีที่เอ็งคิดว่าทำเต็มที่แล้วนั่นแหละคือวินาทีที่ความฝันของเอ็งจบลง"

tl;dr : มันส์โคตรๆไปหามาดูซะ